ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ผู้บริหารทุกโรงเรียนควรอ่าน …เมื่อถึงวันแม่ 12 สิงหาคม ของทุกปี

ผู้บริหารทุกโรงเรียนควรอ่าน

…เมื่อถึงวันแม่ 12 สิงหาคม ของทุกปี

…ความเห็นส่วนตัวของผมสำหรับกิจกรรมวันแม่ตามโรงเรียนผมไม่เห็นด้วยที่จะต้องเรียกแม่ของเด็กๆไปให้ลูกกราบหรือมอบพวงมาลัยดอกมะลิหรือติดดอกมะลิให้แม่ที่โรงเรียนเพราะยังมีเด็กอีกกลุ่มที่ไม่สามารถพาแม่มาโรงเรียนได้

…เช่น-พ่อแม่เลิกกัน แม่เสียชีวิตไปแล้ว แม่ไปมีสามีใหม่ไม่มาหาลูก หรือแม่กำลังป่วยหนัก คุณอาจจะเอากลุ่มใหญ่เป็นหลักว่าส่วนใหญ่มีครบทั้งพ่อแม่

…แต่พวกคุณเคยนึกถึงความรู้สึกของเด็กที่ไม่มีแม่มองเห็นภาพเพื่อนๆนำดอกมะลิกราบแม่ติดดอกมะลิที่เสื้อแม่มั้ย.?

…สายตาเด็กเหล่านั้นเป็นอย่างไร.? …บางคนนั่งแอบเสาอาคารร้องไห้ บางคนสะอื้นไห้กลางวงเพื่อนนักเรียนด้วยกัน

…ที่เขาร้องไห้เพราะเขาเห็นเพื่อนๆมีแม่มาอวดขณะที่ตัวเองนึกไม่ออกว่าแม่อยู่ที่ไหน บางคนแม่ตายตั้งแต่อายุไม่ถึง 1 ขวบ บางคนแม่ไปทำงานกรุงเทพฯพอกลับบ้านเกิดก็มาพร้อมกับเด็กน้อยเอามาเป็นภาระให้ย่าหรือยายเลี้ยงแล้วก็หายหน้าไปเขาและเธอไม่เคยเห็นหน้าแม่จริงๆเลย

…เด็กเหล่านี้แม้มีไม่กี่คนแต่ความสุขที่มันกำลังหลั่งล้นของคนที่มีแม่มันแอบทำร้ายจิตใจเด็กๆเหล่านี้ผมมั่นใจว่ากิจกรรมที่ทางโรงเรียนจัดทำให้เด็กๆเหล่านี้สะเทือนใจมาก

…วิธีแก้ไม่ให้เด็กไร้แม่ปวดใจคือให้เด็กๆไปกราบแม่ของแต่ละคนที่บ้าน จะเป็นแม่จริงๆหรือคนที่เลี้ยงแทนแม่จริงก็เป็นเรื่องของทางบ้านโดยก่อนถึงวันนั้นจะต้องโน้มน้าวให้เด็กซึ้งในพระคุณของคนที่เลี้ยงดูและของแม่ที่ให้กำเนิดโดยแยกแยะอธิบายว่าใครมีบทบาทอย่างไรที่ทำให้เขาเติบโตเป็นมนุษย์และอย่าพูดคำว่า“กำพร้าแม่”เด็ดขาด

…วันสำคัญดังกล่าวโรงเรียนควรจัดกิจกรรมเป็นการน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของแม่ของชาติเท่านั้นคือกิจกรรมเพื่อ“สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนารถ” เน้น*แม่ของแผ่นดิน*เป็นหลัก

…ไม่ต้องลากเอาแม่ของลูกๆมาโรงเรียนอย่างที่ทำกัน ก่อนจะเริ่มพิธีที่โรงเรียนครูจะต้องพูดว่าวันนี้เป็นวันแม่และทุกคนต่างนึกถึงพระคุณของแม่ผู้ให้กำเนิดแต่เราต้องนึกถึงพระคุณของผู้ที่เลี้ยงดูเราทุกคนด้วยเพื่อตอบแทนพระคุณของคุณแม่ และของ คุณพ่อ คุณปู่ คุณย่า คุณตาย คุณยาย รวมทั้งคุณป้า คุณอาที่ช่วยเลี้ยงดูเราจนเติบใหญ่

…หลังจากเสร็จพิธีในวันสำคัญคือการทำพิธีเทอดพระเกียรติแม่ของแผ่นดินที่โรงเรียนแล้วทางโรงเรียนนต้องแนะนำเด็กกว่าพวกเธอกลับบ้านต้องทำตัวให้เป็นประโยชน์ให้ คุณแม่ คุณพ่อ คุณปู่ คุณย่า คุณตาย คุณยาย รวมทั้งคุณป้า คุณอาที่ช่วยเลี้ยงดูเราจนเติบใหญ่ท่านเหล่านั้นชื่นชมเช่น-

- ช่วยกวาดบ้าน ถูบ้าน

- ชักเสื้อผ้าเอง ซักถุงเท้า ซักรองเท้าเอง

- ช่วยเป็นลูกมือขณะผู้ใหญ่ทำกับข้าวเช่นช่วยล้างผัก เก็บจาน แกะเปลือกกระเทียมฯลฯ

- ช่วยล้างถ้วย ล้างจาน

- ทำอย่างนี้เป็นกิจวัตรประจำวันนอกเหนือจากทำการบ้านที่ครูสั่ง

- และ…มีอะไรที่เด็กทำได้ท่านผู้เป็นครูก็เสริมเขาไป(อย่าย้ำเรื่องพ่อ-แม่บังเกิดเกล้าเด็ดขาด)

…ขออย่าให้เด็กมีความรู้สึกอ้างว้างและหดหู่อีกเลย

…ไม่ควรให้เด็กที่รู้สึกขาดแม่ไม่เสียใจ

…จริงอยู่ทุกคนจะมีน้ำตาเหมือนกันมีการร้องไห้เหมือนกันแต่คุณอาจจะมีน้ำตาเพราะคุณมีความสุขปลื้มปีติได้หน้าได้ตาได้รับการชื่นชมจากหน่วยเหนือ

…หากโรงเรียนไม่เอาแม่ของเด็กมานั่งบนเก้าอี้แล้วให้เด็กนำดอกมะลิมามอบและกราบแม่บนเวทีห้องประชุมจะมีความผิดอุกฉกรรจ์ไหมถ้าไม่ทำอย่างนี้มีโทษถึงขั้นกุดหัวคั่วแห้ง 7 ชั่วโคตรหรือไม่

…หันมารณรงค์ให้เด็กๆสนใจที่จะมอบความรักทดแทนพระคุณแม่ในทุกๆที่ทุกๆโอกาสให้หันมาทำดีกับแม่ทุกวันทุกเวลาดีกว่าทำต่อหน้าสาธารณชน

…อย่าทิ้งให้เด็กเหล่านี้นั่งพิงเสาร้องไห้ หรือแอบมองภาพแม่กอดเพื่อนอย่างเจ็บปวด ปลูกฝังให้เข้มแข็งบอกกล่าวในสิ่งดีว่าแม้เด็กๆจะไม่มีแม่แต่คนที่เลี้ยงดูมาก็สามารถทำหน้าที่แม่ได้แม้จะไม่เท่าแม่จริงๆก็ตามให้เค้ามีความเข้มแข็ง เพิ่มกำลังใจเข้าไป

# ข้อเขียนนี้ผมมีเจตนาว่า-

1.โรงเรียนควรจัดวันแม่แห่งชาติเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีฯเท่านั้น

2.โรงเรียนไม่ต้องเอาแม่ของเด็กๆมานั่งบนเวทีแล้วให้เด็กนำเข็มกลัดดอกมะลิหรือพวงมาลัยดอกมะลิมามอบบูชาแม่ในวันนั้นเพราะ (อ่านข้อ 3 ต่อนะ)

3.ผมสงสารเด็กที่ไม่มีแม่มาร่วมกิจกรรมด้วยและไม่มีแม่ขึ้นไปบนเวทีเหมือนคนอื่นเพราะ แม่ตาย หรือ แม่เลิกกับพ่อแล้วหายหัวไปเลย รวมทั้งเด็กที่แม่ยังไม่ตายแต่มีภารกิจต่างจังหวัดหรือลางานไม่ได้

4.บางครอบครัวพี่เรียนโรงเรียนหนึ่ง น้องเรียนอีกโรงเรียนหนึ่ง ฝ่ายแม่จะไปทางไหนก็ไม่ได้เพราะหากไปร่วมกิจกรรมโรงเรียนใดโรงเรียนหนึ่งลูกอีกคนย่อมน้อยใจคุณแม่จึงตัดปัญหาไม่ต้องให้ลูกทั้งสองคนไปร่วมกิจกรรมในวันนั้น ถือว่าเป็นการตัดปัญหาความขัดแข้งได้

5.ทราบว่าแม่บางคนพี่เรียนโรงเรียนหนึ่งน้องเรียนอีกโรงเรียนหนึ่ง(ตามข้อ 4) จึงให้ลูกทั้งสองไปร่วมกิจกรรมกับโรงเรียนที่แต่ละคนเรียนเอง...ผลที่ออกมาคือทั้งสองไปแอบร้องไห้ในห้องน้ำเพราะคนอื่นมีแม่ไปนั่งบนเวทีให้ลูกๆมอบมาลัยให้ส่วนตัวเองไม่มีแม่มานั่งเหมือนเขาพอกลับบ้านทั้งสองต่างโอดครวญว่า “แม่ไม่รัก”

6.บางท่านอาจจะแย้งว่าเอาย่า เอายาย เอาป้า อา หรือเอาครูทำหน้าที่รับมะลิแทนแม่ก็ได้นั้น…ผมขอยืนยันว่า“ผิด”(อ่านข้อ 7 ต่อนะ)

7.เพราะแม่มีใครคนอื่นมาทดแทนแม่จริงๆที่คลอดตัวเองออกมาได้แน่ต่อให้นางฟ้าเหาะจากขี้เมฆมาขอเป็นแม่เด็กก็ไม่เอาหรอกเพราะไม่ใช่แม่แท้จริง

8.ผมขอยืนยันว่าทุกตัวอักษรนี้ผมนำมาจากการรู้เห็นเองและการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนอื่นที่เคยพบเห็นเด็กร้องไห้

9.ผมมีข้อเสนอว่าเราควรให้เด็กตอบแทนพระคุณของ คุณพ่อ คุณแม่ วิธีไหนแล้วซึ่งทุกโรงเรียนสามารถทำตามที่ผมแนะนำได้แน่ (หากมีเจตนาจะทำ)

…ผมขอวิงวอนผู้บริหารโรงเรียนเอาใจเด็กมาใส่ใจเราด้วย ให้คิดเสมอว่าเราไม่ควรให้เด็กๆที่ขาดแม่รู้สึกน้อยใจ

…ท่านผู้บริหารโรงเรียนจะมองข้ามเรื่องนี้เชียวหรือ?

...กรุณาทบทวนกิจกรรมวันแม่แห่งชาติกันใหม่เถอะครับ

- ศิริศักดิ์ ศิริทิชากร-